ลมพิษ (Urticaria) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไป ซึ่งมักแสดงอาการเป็นผื่นหรือปื้นสีแดงคันที่ผิวหนัง ลักษณะเด่นของลมพิษคือปื้นผิวที่บวมขึ้นและมีอาการคัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในบริเวณใดของร่างกายก็ได้ โดยปกติแล้วลมพิษจะเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปเองในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาการของลมพิษ สาเหตุที่ทำให้เกิด และวิธีการรักษาที่เหมาะสม
หัวข้อ
อาการของลมพิษ
อาการหลักของลมพิษคือการเกิดผื่นหรือปื้นที่ผิวหนัง ซึ่งมีลักษณะดังนี้:
- ปื้นบวมแดง : บริเวณที่เป็นลมพิษมักจะมีลักษณะเป็นปื้นสีแดงหรือสีขาวที่บวมขึ้น อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ และรูปร่างไม่แน่นอน ปื้นเหล่านี้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
- อาการคัน : ผู้ที่มีลมพิษมักจะมีอาการคันอย่างมากในบริเวณที่เกิดผื่นหรือปื้น การเกาหรือสัมผัสอาจทำให้อาการแย่ลง
- ปื้นหายได้เอง : ปื้นที่เกิดขึ้นมักจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน แต่บางกรณีอาจเกิดขึ้นใหม่ในบริเวณอื่นของร่างกาย
ในบางกรณีที่ลมพิษรุนแรง อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น บวมที่ตา ริมฝีปาก หรือคอ ซึ่งเป็นอาการที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
สาเหตุของลมพิษ
ลมพิษเกิดจากการที่ร่างกายปล่อยสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดการบวมที่ผิวหนัง สาเหตุที่ทำให้เกิดการปล่อยฮีสตามีนมีหลายประการ เช่น:
- การแพ้อาหาร : อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดลมพิษ เช่น อาหารทะเล นม ไข่ ถั่วลิสง หรือสตรอเบอร์รี
- แพ้ยาหรือสารเคมี : ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาแก้แพ้บางชนิด อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และทำให้เกิดลมพิษ
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม : การสัมผัสกับสารเคมี สัตว์เลี้ยง ฝุ่น หรือแมลงบางชนิดอาจทำให้เกิดลมพิษ
- อากาศ : การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น ความเย็นหรือความร้อนมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษในบางคน
- ความเครียดและอารมณ์ : ความเครียดหรือภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่อาจกระตุ้นการเกิดลมพิษในบางราย
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของลมพิษได้ ซึ่งเรียกว่า “ลมพิษที่ไม่ทราบสาเหตุ” (Idiopathic Urticaria)
การวินิจฉัยลมพิษ
การวินิจฉัยลมพิษโดยทั่วไปจะทำได้โดยการตรวจสอบอาการที่ปรากฏบนผิวหนัง อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยเกิดลมพิษเรื้อรังหรือเกิดขึ้นบ่อยๆ แพทย์อาจทำการตรวจเลือดหรือการทดสอบทางผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการแพ้และการตอบสนองของร่างกายต่อสารต่างๆ
วิธีการรักษาลมพิษ
การรักษาลมพิษขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ สำหรับลมพิษที่เกิดขึ้นชั่วคราวและไม่รุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:
- ยาแก้แพ้ (Antihistamines) : ยาแก้แพ้สามารถลดอาการคันและบวมที่เกิดจากลมพิษได้ ยาแก้แพ้ที่ใช้บ่อยได้แก่ ลอราทาดีน (Loratadine) และเซทิริซีน (Cetirizine)
- ยาทาแก้อักเสบ: ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาทาที่ช่วยลดอาการอักเสบและอาการคันที่เกิดจากลมพิษ เช่น ครีมสเตียรอยด์
- หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น : หากสามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษได้ เช่น อาหาร สารเคมี หรือยาบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลมพิษอีก
- การปรับพฤติกรรม : ลดความเครียด และพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้อารมณ์เครียดหรือเปลี่ยนแปลง อาจช่วยลดโอกาสการเกิดลมพิษได้
ในกรณีที่ลมพิษเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง เช่น ปากบวม หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที แพทย์อาจใช้ยาที่แรงขึ้น เช่น ยาสเตียรอยด์ หรือยาฉีดเอพิเนฟรีน (Epinephrine) เพื่อควบคุมอาการ
การป้องกันลมพิษ
การป้องกันลมพิษสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ : หากทราบว่าแพ้อาหารบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหล่านั้น
- ระวังสภาพอากาศ : การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น การสัมผัสกับความร้อนหรือความเย็นเกินไป อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดลมพิษ
- ลดความเครียด : การจัดการความเครียดในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การทำสมาธิ หรือการผ่อนคลาย ช่วยป้องกันการเกิดลมพิษที่มีสาเหตุมาจากความเครียด
สรุป
ลมพิษเป็นอาการที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาได้ด้วยยาและการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด หากเกิดลมพิษบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพทั่วไปและการจัดการความเครียดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดลมพิษได้
ติดต่อเรา
- ที่อยู่ : 1974/1 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ชั้น 3 ยูนิต 303 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
- Facebook : Me Care
- Instagram : mecare.group
- X : Me Care
- LINE : @MECARE
- LINE Shop : Me Care
- Tiktok : mecare_official
- Youtube : Me Care Official
- Linktree : @MECAREGROUP
- Shopee : Me Care
- Lazada : Me Care
- เบอร์โทร : +66 2 114 7479
- สถานที่ : ME CARE Limited Partnership (ห้างหุ้นส่วน มี แคร)